เอเซอร์ปล่อย 2 สมาร์ทโฟนดีไซน์สวย สายพันธุ์แอนดรอยด์

บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ เปิดตัว สมาร์ทโฟน 2 รุ่น 2 สไตล์ สายพันธุ์ Android 2.2 (FroYo) กับ Liquid Metal สมาร์ทโฟนเพื่อความบันเทิงเต็มพิกัด พร้อมพ่วงดีกรีความงามอย่างมีสไตล์กับรางวัล Japan’s Good Design Awards ตัวเครื่องผลิตจากโลหะรีไซเคิล ตัวเครื่องถูกออกแบบให้เรียบหรูแฝงความเท่ห์ด้วยพื้นผิวโลหะประทับลวดลายด้านฝาหลังกับรูปทรงโค้งมน พร้อมการสั่งงานแบบมัลติทัชบนหน้าจอ WVGA ขนาด 3.6 นิ้ว กับน้ำหนักเพียง 130 กรัม ความเร็วหน่วยประมวลผล Qualcomm 7230 800MHz Snapdragon, ROM/RAM 512 MB/512 MB เชื่อมต่อ Wi-Fi, Bluetooth 3.0 และรองรับ 3G ที่ความเร็วระดับ 14.4 MB. พร้อมการใช้งานยาวนานถึง 8 ชั่วโมง รองรับความบันเทิงทั้ง ดูหนัง ฟังเพลง มิวสิควิดีโอ และเชื่อมต่อโซเชียล เน็ตเวิร์ก ให้คุณภาพเสียงระดับ Dolby stereo ให้การถ่ายภาพที่คมชัดด้วยกล้องระดับ 5 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลชในตัว ถ่ายวีดีโอระดับ HD 720p ที่ 30เฟรมต่อวินาที มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีน้ำตาล และสีบรอนเงิน วางจำหน่ายในราคา 14,900 บาท (รวม Vat 7%)นอกจากนี้เอเซอร์ยังเอาใจผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนมาใช้เป็นเครื่องแรก ในรุ่น beTouch E140 ตอบสนองการใช้งานที่ง่ายดาย ด้วยฟังก์ชัน และการเข้าถึงเมนูได้อย่างรวดเร็ว มาพร้อมกับหน้าจอ LCD 2.8 นิ้ว ระบบสัมผัสแบบ Resistive น้ำหนักเบาเพียง 115 กรัม ดีไซน์ถูกออกแบบให้กระทัดรัดสะดวกต่อการพกพา กับ 2 สีคลาสิค สีดำ และสีขาว รองรับประมวลผล Qualcomm 7227, 600 MHz หน่วยความจำ ROM 512 MB, RAM 256 MB พร้อมการเชื่อมต่อ Wi-Fi, Bluetooth และการใช้งาน VDO Streaming ติดตั้งวิทยุ FM ในตัว พร้อมกล้องความละเอียดระดับ 3.2 ล้านพิกเซล ให้การพูดคุยยาวนานถึง 6 ชั่วโมง โดยจะวางจำหน่ายในราคา 6,590 บาท (รวม Vat 7%)

ที่มา siamphone

สปริงชวนบอกรักกับคนรู้ใจแบบอินเทรนด์ไม่ซ้ำใคร

เทศกาลวาเลนไทน์นี้ สปริง ขอเป็นสื่อกลางบอกรัก แทนความรู้สึกดีๆ แทนคำพูดไปยังคนสำคัญของคุณ ด้วยสมาร์ทโฟนดีไซน์น่ารัก ขนาด
กะทัดรัด ด้วย Soft case สีสันสดใส พร้อมกับบริการ Social Network ทำให้คุณ Chat ส่งข้อความ แทนใจด้วยภาพแสดงอารมณ์ (Emoticon)
และภาพเคลื่อนไหว (Wink) สุด Chic สไตล์ “สปริง” ไม่ซ้ำใคร
ที่มา siamphone

LG ยกทัพ Optimus รุ่นใหม่ลุยงาน MWC 2011

LG ยกทัพ Optimus รุ่นใหม่ลุยงาน MWC 2011 แอลจี อิเล็กทรอนิกส์ กลับมาเยือน บาร์เซโลน่า (ประเทศสเปน) อีกครั้ง เพื่อเข้าร่วมงาน Mobile World Congress 20111 โดยในครั้งนี้ได้ยกขบวนสมาร์ทโฟน และ อุปกรณ์ไอทีในตระกูล Optimus รุ่นใหม่ มาให้ผู้เข้าชมงานได้สัมผัสตัวจริงกันก่อนใคร เริ่มจาก LG Optimus 3D มากับความสมบูรณ์แบบในการทำงานแบบ Dual-core ของหน่วยประมวลผล OMAP4 1 GHz จอแสดงผล WVGA กว้าง 4.3 นิ้ว ให้ประสบการณ์ 3 มิติ เต็มรูปแบบด้วยกล้องถ่ายรูป 2 เลนส์ สำหรับบันทึกภาพ 3 มิติ พร้อมรองรับเทคโนโลยี DLNA (Digital Living Network Alliance) และ การเชื่อมต่อ HDMI (High Definition Multimedia Interface)
LG Optimus Pad คอมพิวเตอร์แท็บเล็ท จอแสดงผล ความละเอียด 1280 x 768 พิกเซล กว้าง 8.9 นิ้ว รองรับวีดีโอ Full HD 1080p แสดงภาพในอัตราส่วน 15:9 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android Honeycomb ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล 1 GHz NVIDIA Tegra 2 dual-core และถือเป็นแท็บเล็ทเครื่องแรกของโลกที่มาพร้อมกล้องถ่ายรูป 3 มิติ สามารถบันทึกภาพเพื่อรับชมผ่านทีวี 3 มิติ หรือแบ่งปันผ่าน YouTube 3D

LG Optimus 2X สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android มากับหน่วยประมวลผล 1 GHz Dual-core Tegra 2 ทำให้การรับชมภาพและเสียงมีประสิทธิภาพสูงในขณะที่ใช้พลังงานต่ำ นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อ HDMI แบ่งปันสื่อกับเครือข่ายภายในบ้านด้วยเทคโนโลยี DLNA บันทึกวีดีโอในรูปแบบ 1080p พร้อมเล่นกลับ เพิ่มความสมบูรณ์แบบในการเล่นเกมส์ด้วยเซ็นเซอร์ Accelerometer และ Gyro

LG Optimus Black แอนดรอยด์โฟนที่ออกแบบมาให้มีขนาดบาง น้ำหนักเบาเป็นพิเศษ มีการสั่งจองแล้วกว่า 20 ประเทศ นับตั้งแต่เปิดตัวในงาน CES เมื่อต้นปี LG Optimus Black มากับจอแสดงผล NOVA กว้าง 4 นิ้ว สนุบสนุนการควบคุมหน้าจอผ่าน Gesture UI รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi และให้กล้องถ่ายรูปด้านหน้า ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล

ที่มา saimphone

Sprint เปิดตัว “Kyocera Echo” แอนดรอยด์ 2 จอเบิ้มรุ่นแรกของโลก

Sprint เปิดตัว “Kyocera Echo” แอนดรอยด์ 2 จอเบิ้มรุ่นแรกของโลก Sprint เปิดตัว “Kyocera Echo” แอนดรอยด์ 2 จอรุ่นแรกของโลก ประกอบไปด้วยหน้าจอ 3.5 นิ้ว ความละเอียด 800×480 พิคเซล แต่เมื่อสไลด์จอขึ้น (ตัวยึดสไลด์เป็นโลหะเหลวที่คิดค้นขึ้นเอง) หน้าจอจะถูกขยายเป็น 4.7 นิ้ว ความละเอียด 960×800 พิคเซล ส่วนระบบใช้แอนดรอยด์ 2.2 , ชิป Qualcomm QSD8255 1GHz, กล้อง 5MP และบันทึกวิดิโอได้ 720P

อย่างไรก็ดี แม้ “Kyocera Echo” จะน่าสนใจที่เป็น 2 จอ แต่ก็มีปัญหาใหญ่คือ ไม่มีแอพฯ รองรับ ซึ่งทาง Kyocera-Sprint ยืนยันว่าจะออก SDK ในเร็วๆ นี้
ที่มา i3

ลือ Playbook ใช้แอนดรอยด์แอปฯได้

แหล่งข่าวจากต่างประเทศมีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ แบล็กเบอรี เพลยบุ๊ก (Palybook) แท็บเล็ตที่ใช้ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์จากบริษัท QNX ว่าบริษัทกำลังพัฒนาให้สามารถนำแอปฯ จากระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ มาใช้งานได้ โดยขณะนี้กำลังเปิดรับพัฒนา จำนวนมากมาช่วยโครงการภายใน

หลังจากนั้น อดีตพนักงานของ ริม (RIM) ออกมาให้ข้อมูลเสริมว่า การที่มีจำนวนแอปฯ น้อยจะเป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จของเพลยบุ๊ก ที่ไม่ได้เลือกใช้ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอรี แต่เลือกที่จะนำ QNX ที่รองรับการใช้งานแฟลช และยืดหยุ่นต่อการดีไซน์และพัฒนามากกว่า

แน่นอนว่าเมื่อทาง ริม ประกาศชัดเจนว่าจะนำ QNX มาใช้ในแท็บเล็ต ทำให้มีนักพัฒนากลุ่มหนึ่ง พร้อมที่จะเข้าไปพัฒนาแอปฯเพื่อวางจำหน่าย แต่อย่างไรก็ตามยังถือว่าไม่สามารถเปรียบเทียบกับแอนดรอยด์ได้ ทำให้การพัฒนาเพื่อนำแอปฯจากแอนดรอยด์มาใช้เป็นการอุดช่องว่างดังกล่าว

เมื่อปีที่ผ่านมา Jim Balsillie ประธานบริหารร่วมของริม เคยกล่าวโจมตีถึงการพัฒนาแอปพลิเคชัน ไว้ในงานสัมมนา Web 2.0 ว่า ผู้บริโภคไม่ได้ต้องการแอปฯเพื่อใช้ท่องเว็บ แต่เว็บต้องการแพลตฟอร์มที่สามารถแสดงคอนเทนต์ทุกอย่างภายในเว็บได้ ส่งผลให้ผู้บริโภคกลุ่มหนึ่งหมดความสนใจกับเพลยบุ๊ก

การที่จะทำให้สิ่งที่พูดเป็นจริงนั้น ขึ้นอยู่กับนักพัฒนาของริม และทำให้การที่บริษัทดังกล่าว สามารถทำให้เพลยบุ๊กมานำแอนดรอดย์แอปฯมาใช้ จะถือเป็นการปฏิวัติวงการแท็บเล็ต ที่รวมจุดเด่นเรื่องการรักษาความปลอดภัย ของแบล็กเบอรี และความหลากหลายของแอปฯที่สามารถนำมาใช้งานได้ ทั้งนี้เชื่อว่าจะมีการเปิดเผยถึงซอฟต์แวร์ดังกล่าวในช่วงครึ่งปีหลัง

ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า BlackBerry PlayBook มีหน้าจอขนาด 7 นิ้ว ใช้หน่วยประมวลผล (ซีพียู) ดูอัลคอร์ Cortex-A9 1GHz ทำให้สามารถประมวลผลงานหลายงานได้พร้อมกัน หน่วยความจำสำรอง RAM 1GB รองรับเครือข่ายไร้สาย 802.11 a/b/g/n Wi-Fi และบลูทูธ 2.1 สามารถแสดงผลเว็บไซต์มาตรฐาน HTML5 และวิดีโอโปรแกรม Flash ได้ รวมถึงการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงเต็มขั้น HD 1080p

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Dell Streak 7 แท็บเล็ตแอนดรอยด์ หน้าจอ 7 นิ้ว

Dell Streak 7 แท็บเล็ทระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 2.2 หน้าจอแสดงผล Gorilla Glass ขนาด 7 นิ้ว ความละเอียด 800 x 480 พิกเซล หน่วยประมวลผล nVidia Tegra T20 Dual Core ความเร็ว 1 GHz กล้องถ่ายรูป 5 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช ออโต้โฟกัส กล้องหน้าความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล สนับสนุนการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11b/g/n, Bluetooth 2.1 + EDR, GPS หน่วยความจำภายใน 16 GB เพิ่มเติมการ์ดหน่วยความจำ MicroSD สูงสุด 32 GB รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G HSPA+ ของ T-Mobile (สหรัฐอเมริกา) ราคาจำหน่ายประมาณ 13,800 บาท

Introducing the Dell Streak 7.

Dell Streak 7 แท็บเล็ตแอนดรอยด์ หน้าจอ 7 นิ้ว
ที่มา siamphone

กูเกิลเปลี่ยนฐานตีตลาดสมาร์ทโฟน ดึงร้านขายแอปฯขึ้นเว็บ

ในที่สุด กูเกิลได้ฤกษ์เปิดตัวระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์สำหรับใช้งานบนคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต Android 3.0 Honeycomb อย่างเป็นทางการเสียทีหลังจากเป็นข่าวมานาน ปรากฏว่าสิ่งที่ผู้ร่วมงานฮือฮาไม่ใช่ Honeycomb แต่เป็น Android Market Webstore เว็บไซต์ขายแอปพลิเคชันแอนดรอยด์ที่สาวกกูเกิลจะสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้สะดวกยิ่งขึ้นไม่ว่าจะนำไปติดตั้งบนอุปกรณ์ใด
งานนี้หลายฝ่ายไม่เพียงยกตำแหน่ง"คู่แข่ง iTunes App Store" ให้เว็บไซต์ร้านแอปพลิเคชันออนไลน์ของกูเกิล แต่ Android Market Webstore ยังถูกมองว่าเป็นการเปลี่ยนฐานที่มั่นเพื่อรบกับข้าศึกในสังเวียนสมาร์ทโฟนของกูเกิล มาเป็นการยึดหัวหาดบนเว็บไซต์แทน

แต่เดิม ผู้ใช้สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์จะดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้จาก Android Market แอปพลิเคชันที่จะมาบนหน้าจอสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ทุกเครื่อง แต่ Android Market Webstore เป็นการยกร้านขึ้นเว็บไซต์ และถูกการันตีว่าผู้ใช้จะสามารถซื้อแอปพลิเคชันแอนดรอยด์เพื่อใช้บนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้จากเว็บเบราว์เซอร์ จุดประสงค์หลักคือการทำให้การค้นหา ดาวน์โหลด และซื้อแอปพลิเคชันแอนดรอยด์ทำได้ง่ายกว่าเดิม โดยผู้ใช้สามารถเปิดหน้าเว็บไซต์ที่ http://market.android.com/ แล้วในขณะนี้

หากผู้บริโภคตัดสินใจเลือกโปรแกรมใด เพียงกรอกข้อมูลชำระเงินผ่านหน้าเว็บไซต์ โปรแกรมจะถูกโหลดเข้าสมาร์ทโฟนทันทีที่มีการกดปุ่มติดตั้งหรือ install นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถจัดการโปรแกรมที่ซื้อไปแล้วผ่านหน้าเว็บไซต์เพื่อเลือกว่าจะติดตั้งโปรแกรมลงในเครื่องใดได้

ที่น่าสนใจคือ กูเกิลใช้เว็บไซต์นี้เพื่อเปิดทางให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถฝังวิดีโอลงในหน้าเว็บไซต์เพื่อประชาสัมพันธ์แอปพลิเคชันได้ ขณะเดียวกันก็ประกาศสนับสนุนให้นักพัฒนาสามารถขายสินค้าในแอปพลิเคชันของตัวเองได้เต็มที่ รวมถึงการเปิดเสรีให้นักพัฒนาฯสามารถตั้งราคาแอปพลิเคชันตามสกุลเงินที่ต่างกัน โดยความสามารถนี้ยังต้องรอเวลาก่อนจะมีผลใช้ได้กับนักพัฒนาทั่วโลก

นัยสำคัญของ Android Market Webstore หนีไม่พ้นการเป็นผู้ท้าชิงในสังเวียนแอปพลิเคชันออนไลน์ เพื่อล้มแชมป์อย่าง iTunes App Store ของแอปเปิล โดยคุณสมบัติใหม่ที่กูเกิลเพิ่มเข้ามาในร้าน Android Market Webstore ล้วนสะท้อนว่ากูเกิลต้องการเพิ่มข้อมูลเพื่อส่งเสริมให้แฟนแอนดรอยด์สามารถตัดสินใจซื้อแอปพลิเคชันได้เร็วกว่าการเลือกจากหน้าจอจิ๋วบนโทรศัพท์เคลื่อนที่

นอกจาก Android Market Webstore กูเกิลยังเปิดตัวระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์สำหรับใช้งานบนคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต Android 3.0 Honeycomb อย่างเป็นทางการ โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดในแอนดรอยด์เวอร์ชันนี้ต้องยกให้การยกเครื่องรูปแบบโปรแกรมใหม่เพื่อให้รองรับการแสดงผลบนหน้าจอแท็บเล็ต อุปกรณ์หน้าจอสัมผัสซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปที่แอนดรอยด์เคยรองรับมาตลอด รวมถึงการปรับรูปแบบการใช้งานให้เหมาะสมกับประสบการณ์ใช้งานบนแท็บเล็ต

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้กูเกิลเน้นพัฒนาความสามารถด้านการแสดงผลกราฟิกบน Honeycomb เป็นพิเศษ มีทั้งการเพิ่มความสามารถการแสดงผล 3 มิติ และการปรับรูปแบบการแจ้งเตือนให้เหมาะกับการแสดงผลบนหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ขณะเดียวกันก็เพิ่มลูกเล่นอินเทอร์เฟสหรือหน้าตาโปรแกรมกล้องถ่ายภาพให้มีความน่าสนใจ และมีคุณสมบัติเพิ่มขึ้น

สำหรับคำถามว่าเมื่อไร Honeycomb จะวางตลาด โฆษกกูเกิลให้คำตอบว่า กำหนดการวางตลาด Honeycomb นั้นเป็นไปตามกำหนดการเปิดตัวคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตเช่น Motorola Xoom และ LG G-Slate รวมถึงผู้ผลิตอื่นๆที่เลือกติดตั้ง Honeycomb ลงในแท็บเล็ตของตัวเอง คาดว่าสาวกกูเกิลจะได้ใช้ Honeycomb ใน Motorola Xoom ก่อนเนื่องจาก T-Mobile ตัวแทนของโมโตโรลาระบุว่าจะสามารถวางจำหน่ายได้ในปลายเดือนมีนาคมนี้ ขณะที่ LG ระบุว่าแท็บเล็ต G-Slate จะเริ่มวางตลาดในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปีนี้

การเปิดตัวอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ คือสัญญาณบอกว่าชุดคำสั่ง Honeycomb นั้นพร้อมจัดส่งสู่มือผู้ผลิตแท็บเล็ตอย่างเป็นทางการ รวมถึงการเผยแพร่ชุดพัฒนาซอฟต์แวร์แก่นักพัฒนาในวงกว้างเท่านั้น
Android Market Webstore เว็บไซต์ขายแอปพลิเคชันแอนดรอยด์ที่ถูกมองว่าเป็นการท้าชนแอปสโตร์ไอจูนส์ (iTunes) ของกูเกิล
วิดีโอสาธิตการทำงานแอปพลิเคชัน การให้คะแนนจากผู้บริโภค รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ที่กูเกิลเพิ่มเข้ามาในร้าน Android Market Webstore เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถติดสินใจเลือกแอปพลิเคชันได้สะดวกขึ้น
หน้าจอหลักของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์สำหรับใช้งานบนคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต Android 3.0 Honeycomb
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

9 ข้อเจาะลึก 3 แอนดรอยด์โฟนสุดร้อนแรง Cooper / A99 / Defy

3 แอนดรอยด์โฟน ที่คาดว่าจะได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในช่วงสุดสัปดาห์นี้คงหนีไม่พ้น Samsung Galaxy Cooper, Wellcom A99 และ Motorola Defy ที่มาเขย่าตลาดสมาร์ทโฟนสเปกดี ในช่วงราคา 9,900 - 12,900 บาท ในงานไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป 2011

เปรียบสเปก A99 กินขาด

ถ้าจับเครื่องทั้ง 3 รุ่น มาเทียบกันในส่วนของสเปกแล้ว เชื่อว่า A99 ที่มาพร้อมหน่วยประมวลผลจาก Qualcomm Snapdragon 1 GHz คงจะกินขาดเหนือ Defy ที่ใช้ Cortex-A8 800MHz ที่ให้ ROM 2GB RAM 512 MB เท่ากัน ท้ายสุดคือ Cooper ที่ใช้ Qualcomm MSM7227-1 Turbo 800 MHz แต่มาพร้อม ROM / RAM 512 MB เท่านั้นเอง

ดีไซน์-วัสดุ

เครื่องทั้ง 3 รุ่น ที่ร้อนแรงและอยู่ในกระแสขณะนี้ ต่างมีลักษณะการดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นอย่างมาก ทำให้ยากที่จะตัดสินใจได้ว่า รุ่นไหนสวย และน่าใช้งานกว่ากัน แต่ยอมรับได้เลยว่า การประกอบของเครื่องทั้ง 3 รุ่น อยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับราคาที่วางจำหน่าย

แต่ Defy กลับมีจุดเด่นที่เหนือกว่าอีก 2 รุ่น คือตัวเครื่องสามารถป้องกันการตกน้ำและตกกระแทกได้ในระดับหนึ่ง จากวัสดุที่ใช้ยางหุ้มตัวเครื่อง ซึ่งขณะนี้มีวิดีโอทดสอบนำ Defy ไปแช่น้ำปรากฏในยูทูป

A99 ตกม้าตาย มัลติทัช

ในการใช้งานจริง ความรู้สึกของการตอบสนองทางด้านความเร็วของหน่วยประมวลผลนั้นแทบไม่แตกต่างกัน จุดสำคัญที่รองรับการตอบสนองคือ การรับสัมผัสของหน้าจอ ที่ในจุดนี้ A99 ต้องตกรอบไปอย่างหน้าเสียดาย เนื่องจากไม่รองรับการมัลติทัชสมบูรณ์แบบ ในขณะที่ Cooper และ Defy สามารถใช้งานมัลติทัช 2 จุดได้อย่างแนบเนียน

ขนาดหน้าจอแล้วแต่ชอบ

ไล่กันจากขนาดเล็กสุดของ Cooper ที่ 3.5 นิ้ว ความละเอียด 320 x 480 พิกเซล ขณะที่ Defy มีหน้าจอขนาด 3.7 นิ้ว ความละเอียด 480 x 854 พิกเซล และ A99 ที่ 4.1 นิ้ว ที่ความละเอียด 480 x 800 พิกเซล ทำให้ขนาดเครื่องของทั้ง 3 รุ่น แตกต่างกันออกไปเป็น 112.4 x 59.9 x 11.5 มม., 107 x 59 x 13.4 มม. และ 122 x 66 x 10 มม. น้ำหนัก 113 กรัม, 118 กรัม และ 143 กรัม ตามลำดับ

ในจุดนี้คงขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของผู้ใช้ ที่ต้องการเครื่องขนาดเล็กพกพาสะดวก หรือต้องการแอนดรอยด์โฟนหน้าจอขนาดใหญ่ รองรับวิดีโอความละเอียดสูง ซึ่งก็ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน แต่จุดที่ทำให้ Defy โดดเด่นขึ้นมาจากพวกคือกระจกหน้าจอที่ใช้เป็น Gorilla Glass

A99 ถ่ายวิดีโอไฮเดฟฯ

แม้ว่าเครื่องทั้ง 3 รุ่นจะมาพร้อมกับกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และไฟแฟลช เช่นเดียวกัน แต่จุดที่ขาดหายไปของ Cooper และ Defy คือยังไม่รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง (720p) ซึ่งไม่แน่ว่าในอนาคตเมื่อมีการอัปเกรดเฟิร์มแวร์จะช่วยให้เครื่องสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงได้เช่นเดียวกัน

Defy มากับ 2.1 (Eclair)

ต้องยอมรับว่าในต่างประเทศ Defy ถูกวางจำหน่ายมาในระยะเวลาพอสมควรแล้วก่อนนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ทำให้เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการที่ใช้ยังคงเป็น 2.1 แต่ทั้งนี้ข้อมูลภายในเว็บระบุว่า ตัวเครื่องสามารถอัปเกรดเวอร์ชันผ่านอินเทอร์เน็ตได้ทันที (OTA Upgrade) ส่วน Cooper และ A99 ที่เพิ่งวางจำหน่ายนั้นมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชัน 2.2.1 ที่มีการใส่ภาษาไทยเข้าไป ช่วยให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น

คีย์บอร์ด Cooper-Defy ชนะด้วย Swype

การป้อนข้อมูลในสมาร์ทโฟนถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่ควรให้ความสำคัญ ซึ่งในจุดนี้ Cooper และ Defy ทำได้ค่อนข้างดีในการสร้าง Swype คือบอร์ด ที่สามารถใช้นิ้วลากแทนการสัมผัสทีละตัวอักษร แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันได้มีนักพัฒนาคนไทยพัฒนาคีย์บอร์ดที่ชื่อ Tswipe ขึ้นมาจำหน่ายในแอนดรอยด์มาเก็ต เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ได้ใช้กัน

อินเตอร์เฟส A99 มาเปลือยๆ

ในขณะที่ Cooper มากับอินเตอร์เฟสนาม TouchWIZ ที่ปูพรมพื้นฐานมาหลายรุ่นแล้วในตระกูลแอนดรอยด์ รวมถึงรุ่นพี่อย่าง Galaxy S ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก Defy เองก็มาพร้อมกับอินเตอร์เฟสของโมโตโรล่านาม Blur มาครอบหน้าเปล่าๆ ของแอนดรอยด์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งาน

แต่ A99 กลับไม่มีการพัฒนาในส่วนนี้ มาพร้อมกับอินเตอร์เฟส Vanilla ที่มากับแอนดรอยด์ทั่วไป ซึ่งในจุดนี้ผู้ที่มีความรู้ชอบปรับแต่งคงชื่นชอบที่สามารถเลือกอินเตอร์เฟสที่ต้องการมาใส่ แต่ในฐานะคอนซูเมอร์ทั่วไปแล้ว การที่มาแบบเพียวๆ อาจจะทำให้มองว่าแอนดรอยด์ใช้งานยากก็เป็นได้

ราคา-โปรโมชัน

แผนการทำตลาดแบบตั้งราคาเปิดตัวไว้ราคาหนึ่ง และทำโปรโมชันขายอีกราคาหนึ่งกลับมาระอุอีกรอบ ในงานไทยแลนด์โมบายเอ็กโป 2011 ไล่ตั้งแต่ Cooper ที่มีการปรับราคาล่าสุดลงมาเหลือ 9,900 บาท จากก่อนหน้านี้ที่ตั้งไว้ 10,900 บาท ทำให้ A99 เห็นท่าไม่ดี ปรับราคาตามลงมาอยู่ที่ 9,900 บาทเช่นกัน จากราคาเปิดตัว 11,900 บาท ขณะที่ Defy ที่เพิ่งแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย วางราคาเปิดตัวไว้ที่ 12,900 บาท แต่ภายในงานมีจำหน่ายในราคา 8,900 บาท 4 เครื่องต่อวัน

เชื่อว่าการทำตลาดของเครื่องในระดับราคาหมื่นบาท ยังคงมีความสนุกไปอีกระยะหนึ่ง เพราะถือว่าเป็นช่วงที่มีฐานลูกค้าจำนวนมากจากปัจจัยการเติบโตของสมาร์ทโฟน การขยายตัวของเครือข่ายสังคมออนไลน์ ทำให้ผู้บริโภคหันจากฟีเจอร์โฟนเข้ามาในตลาดสมาร์ทโฟนราคาจับต้องได้มากขึ้นนั่นเอง

เครื่องทั้ง 3 รุ่นนี้ จึงถือเป็นรุ่นเด่นที่น่าจับตามองในตลาดแอนดรอยด์โฟนขณะนี้ ถ้าต้องการสเปกแรกแซงโค้ง A99 เป็นคำตอบ แต่ถ้าอยากได้เครื่องทน ถึก กันน้ำ ขนาดเล็กน่าพกพา Defy ก็มาแรง แต่ถ้ามองในแง่ของราคาคุ้มกับองค์ประกอบโดยรวม Cooper ยังได้อานิสงค์จากแบรนด์ซัมซุงอยู่เช่นเดิม

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

รายการบล็อกของฉัน